การทำโสมคุณภาพสูงมาผ่านขั้นตอนการสกัด จากนั้นนำไปผ่านความร้อนหลายๆครั้ง จนรากโสมมีสีดำสนิท ซึ่งเกิดจากการอบไอน้ำและอบแห้ง ถึง 9 รอบ ในกระบวนการที่ถูกอบด้วยไอน้ำและอบแห้งหลายๆครั้ง สีแดงของโสมจะค่อยๆกลายเป็นสีดำและกลายเป็นโสมดำที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระเมื่อเปรียบเทียบกับโสมธรรมดาและโสมแดงถึงหลายเท่า
กระบวนการ
1. การทำให้สุก เมื่อโสมดำนั้นสุกในอุณหภูมิต่ำจะให้ปริมาณซาโปนินเพิ่มมากขึ้น
2. การเพิ่มซาโปนิน เมื่อโสมสุกที่อุณหภูมิต่ำเป็นระยะเวลานาน จะทำให้มีซาโปนินเพิ่มปริมาณมากขึ้น
3. ประเภทเจลที่ย่อยได้ ในกระบวนการที่โสมดิบกำลังกลายเป็นโสมดำอนุภาคแป้งของโสมจะดูดซับน้ำในขณะที่อยู่ในรูปของเหลว จากนั้นก็จะกลายเป็นวุ้นและย่อยง่าย
การเปลี่ยนรูปร่างและสี
สีของโสมจะค่อยๆเข้มขึ้น ในทำนองเดียวกันโสมที่เข้มขึ้นก็จะกลายมีส่วนผสมและคุณประโยชน์ที่เพิ่มขึ้นอีก
การต้านอนุมูลอิสระ
โสมดำมีประสิทธิภาพสูงในการต้านอนุมูลอิสระ ที่ทำให้เกิดโรคและแก่ชราในร่างกายมนุษย์ซึ่งหมายความว่ามันสามารถใช้เป็นสารอาหารเพื่อสุขภาพ ปริมาณฟีนอลทั้งหมดในโสมดำอยู่ที่ประมาณ 20 mg / g ซึ่งสูงกว่าโสมแดง (15mg / g สารต้านอนุมูลอิสระเป็นสัดส่วนกับปริมาณฟีนอลทั้งหมด
การต้านมะเร็ง
ประสิทธิภาพการต้านมะเร็งของโสมดำนั้นมีมากกว่าโสมแดงถึง 10 เท่าซึ่งเทียบเท่ากับ Taxol ซึ่งใช้เป็นยาต้านมะเร็งในการรักษาในปัจจุบัน
การฆ่าเชื้อและการกระตุ้นการทำงานของสมอง
PK1 และ RG5 จีนเซโนไซด์ เป็นอนุพันธ์ธรรมชาติจากโสมดำยับยั้งเซลล์ไขมันและคาดว่าจะใช้ในการรักษากลุ่มอาการเมตาบอลิซึมพร้อมกับโรคอ้วนและความดันโลหิตสูง นอกจากนี้สารสกัดจากโสมดำยังมีประสิทธิภาพต่อความจำเสื่อมที่เกิดจากเอทานอลซึ่งหมายความว่าสามารถช่วยในเรื่องของความจำและกระตุ้นการทำงานของสมอง
การเพิ่มการไหลเวียนโลหิต
โสมดำจะช่วยล้างไขมันและคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดทำให้การไหลเวียนโลหิตดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถป้องกันโรคหลอดเลือดเช่นภาวะหลอดเลือดและความดันโลหิตสูงโรคหัวใจเช่นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบและกล้ามเนื้อหัวใจตายและโรคเกี่ยวกับสมองทั้งหลาย
9 คุณประโยชน์ของโสมดำ
- การเสริมภูมิคุ้มกัน
- ช่วยในการไหลเวียนโลหิต
- ช่วยในเรื่องความเหนื่อยล้า
- ควบคุมน้ำตาลในเลือด
- เพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพ
- ต้านการระคายเคือง
- ช่วยให้เซลล์ไขมันที่จับตามอวัยวะต่างๆในร่างกายสลายตัว
- ต้านการอักเสบ
- เพิ่มการทำงานของสมอง