ข้อควรระวังในการใช้โสมเกาหลี
-
- ผู้ที่มีไข้ต้วร้อนห้ามรับประทานโสม และโสมถูกห้ามใช้ในเด็กทารกเด็กเล็ก และหญิงที่อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตรเนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเพียงพอ ในเรื่องของความปลอดภัย สำหรับการนำมาใช้ในกลุ่มคนเหล่านี้ และมีข้อมูลสตรีที่รับประทานโสมในขณะที่ตั้งครรภ์เมื่อคลอดลูก อาจมีขนมาก รวมไปถึงผู้ที่ตับอักเสบพบเอนไซม์ของตับสูงแล้ว หรือตับอักเสบจนตัวเหลือง ตาเหลือง หรือตับก็ไม่ควรรับประทานโสม
- ควรระมัดระวังในการใช้กับผู้ป่วยที่เป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน หรือผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด
- ยาที่ไม่ควรรับประทานร่วมกับโสม ได้แก่ ยาลดน้ำตาลในเลือด (เนื่องจากอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดต่ำลงเกินไป เพราะโสมก็มีฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดด้วย ผู้ป่วยเบาหวานจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้โสม), ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (เนื่องจากยาทั้งสองอาจมีฤทธิ์เสริมกัน ทำให้มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด), ยากระตุ้นหัวใจ (digoxin), ยาต้านอาการซึมเศร้า (phenelxine) รวมถึงยาแอสไพรินและสุรา
- ห้ามกินโสมพร้อมกับวิตามินซี ภายหลัง การรับประทานโสม ฤทธิ์ของโสมจะอยู่ได้นาน 1-2 เดือน ควรรับประทาน 1 เดือน แล้วรออีก 2 เดือน ก่อนเริ่มรับประทานใหม่ แต่ในผู้ป่วยเรื้อรังสามารถรับประทานได้นานกว่านั้น
- โสมแดงอาจมีฤทธิ์กับกาแฟหรือสารที่กระตุ้น
- เพื่อให้ได้ผลสูงสุดในการกินโสม คุนจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางอย่าง โดยอย่ากินร่วมกันโดยอาหารอื่นจะต้องกินหลังจากกินโสมไปแล้ว อย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยอาหารอื่นนี้หมายถึงผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มคั้น และห้ามกินกินวิตามินซีร่วมกับโสม เพราะอาหารหรือสารอาหารต่าง ๆ เหล่านี้จะไปทำลายฤทธิ์ที่ควรจะได้จากโสม